ทำ IUI ที่ไหนดี ปรึกษาเรื่องการมีบุตรยากที่ไหนดี? คำถามที่คู่สมรสหลายคู่สงสัย หลังพยายามตั้งครรภ์ตามธรรมชาติแล้วไม่ประสบความสำเร็จ
การทำ IUI (Intra-Uterine Insemination) คือการฉีดผสมเทียมโดยการฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าไปยังโพรงมดลูกโดยตรง โดยจะคัดเฉพาะอสุจิที่มีความแข็งแรงในปริมาณมาก สามารถว่ายไปถึงไข่ของฝ่ายหญิงได้โดยไม่ตายระหว่างทาง ฉีดในวันที่ไข่ตกพอดี เพื่อเพิ่มโอกาสให้อสุจิเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้มากขึ้น
ในบทความนี้ Wellness Health Club จะมาแนะนำข้อควรพิจารณา ในการเลือกสถานพยาบาลสำหรับการทำ IUI ว่าในขั้นตอนการตัดสินใจทำ IUI ที่ไหนดีนั้น ควรคำนึงถึงสิ่งใดบ้าง
เลือกทำ IUI ที่ไหนอย่างไรดี
ในการเลือกศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากเพื่อทำการผสมเทียม IUI ควรพิจารณาเลือกสถานพยาบาลอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพราะการใช้บริการสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย จะช่วยเพิ่มอันราการตั้งครรภ์สำเร็จ และลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้ ปัจจัยที่ควรพิจารณา ได้แก่
1. ความเชี่ยวชาญของแพทย์
สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกทำ IUI ที่ไหนดี หรือปรึกษาเรื่องการมีบุตรยากที่ไหนดี คือควรเลือกสถานพยาบาลที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาภาวะมีบุตรยากเฉพาะทาง แพทย์ที่ชำนาญและมีประสบการณ์สูงสามารถให้คำปรึกษาได้อย่างตรงจุด
หากได้ปรึกษาแพทย์ที่มีชำนาญสูงจะทำให้มีโอกาสที่แพทย์จะสามารถชี้ได้ว่าภาวะอาการมีบุตรยากมาจากไหน ต้องรักษาอย่างไร หรือเหมาะกับวิธีการผสมเทียมวิธีการใด เพื่อให้มีโอกาสตั้งครรภ์และมีบุตรได้มากที่สุด และหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์ไม่สำเร็จ ที่นอกจากจะเสียเงินแล้ว ยังเสียเวลาและความรู้สึก โดยเฉพาะการผิดหวังจากการอยากมีบุตร
นอกไปจากนี้ การได้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาทำ IUI ยังลดความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดจากการผสมเทียม IUI ให้มีโอกาสลดน้อยลงได้ เช่น การติดเชื้อ ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป (OHSS) หรือ การเกิดครรภ์แฝดจากการตกไข่จำนวนมากเกินไป
2. เทคโนโลยีเกี่ยวกับการทำ IUI และภาวะมีบุตรยาก
ทำ IUI ที่ไหนดี ควรพิจารณาเทคโนโลยีในการทำ IUI ร่วมด้วย สาเหตุเพราะเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีมาตรฐาน จะช่วยเพิ่มอัตราการผสมเทียมแบบให้ IUI สำเร็จได้มากขึ้น เทคโนโลยีเกี่ยวกับการทำ IUI ที่สถานพยาบาลควรมี ประกอบไปด้วย
- เทคโนโลยีทำความสะอาดอสุจิ การทำ Gradient separation ตามเพื่อคัดเลือกเฉพาะอสุจิที่แข็งแรงมากพอที่จะปฏิสนธิกับไข่ และใช้เทคโนโลยีการตรวจเปอร์เซ็นต์การแตกตัวของ DNA (DNA fragmentation) เพื่อหาเปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้ที่จะอสุจิจะปฏิสนธิกับไข่
- เทคโนโลยีด้านการตรวจดูจำนวนและขนาดของไข่ เพื่อตรวจสอบขนาดของไข่ว่าพร้อมจะฉีดให้ไข่ตกหรือไม่ และดูจำนวนไข่ที่มีโอกาสตกภายในการตกไข่ 1 ครั้ง
- เทคโนโลยีเกี่ยวกับการวัดปริมาณฮอร์โมนในเลือดอย่างแม่นยำ เนื่องจากการวัดระดับฮอร์โมนมีผลกับการกำหนดวันไข่ตก รวมถึงตรวจดูปริมาณไข่สำรองด้วย
- เทคโนโลยีการตรวจโรคติดต่อทางเลือด เพื่อป้องกันการติดต่อผ่านสารคัดหลั่งในขั้นตอนการฉีดน้ำเชื้อ IUI และการติดต่อโรคต่างๆ จากแม่สู่ลูก
เทคโนโลยีตามที่ระบุไปข้างต้น จะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ ทั้งยังช่วยคัดกรองความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์ หรือโรคติดต่อทางเลือดได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับบางคู่การทำ IUI อาจไม่ใช่ทางออกในการมีลูกที่ดีที่สุด บางคู่อาจมีข้อจำกัดบางประการที่ทำให้ไม่สามารถผสมเทียมแบบ IUI ได้ จึงควรพิจารณาจากเทคโนโลยีอื่นๆ ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการรักษาภาวะมีบุตรยากด้วย การมีเทคโนโลยีที่หลากหลาย แพทย์สามารถที่จะแนะนำเทคโนโลยีอื่นๆ ที่เหมาะสมสำหรับคู่สมรสนั้นได้
ทางเลือกแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยากวิธีอื่นๆ ได้แก่
- การกำหนดวันมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์ให้ตรงกับวันที่ไข่ตกพอดี เป็นวิธีพื้นฐานเพิ่มโอกาสมีบุตรได้โดยไม่ต้องทำการผสมเทียม
- การทำ IVF เป็นวิธีการที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูง เนื่องจากเป็นการทำเด็กหลอดแก้ว โดยการให้อสุจิหลายตัว แย่งกันผสมกับไข่ภายในห้องทดลอง เมื่อได้ตัวอ่อนแล้วจะเลี้ยงตัวอ่อนไว้เป็นเวลา 5 วัน จึงใส่ตัวอ่อนกลับเข้าไปในโพรงมดลูก การทำ IVF แพทย์ผู้เชี่ยวชาญต้องทำงานร่วมกับนักเพาะเลี้ยงตัวอ่อน เพื่อเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ให้สูงขึ้น
- การทำ ICSI เป็นการทำเด็กหลอดแก้ว โดยการฉีดอสุจิที่แข็งแรงที่สุด 1 ตัว เข้าไปในไข่โดยตรง เพื่อเพิ่มอัตราการปฏิสนธิให้สูงขึ้น วิธีนี้ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์และนักเพาะเลี้ยงตัวอ่อน ทั้งยังต้องใช้เทคโนโลยีระดับสูงเพื่อใช้ในการทำให้อสุจิปฏิสนธิกับไข่โดยตรง ซึ่งการทำ ICSI ที่ BDMS Wellness Clinic นั้นมีอัตราการตั้งครรภ์สำเร็จมากถึง 70%
นอกจากวิธีการแก้ปัญหามีบุตรยากแล้ว ยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ เกี่ยวกับภาวะการมีบุตรยากด้วย ได้แก่
- การตรวจโครโมโซมตัวอ่อนในการทำ IVF และ ICSI (Preimplantation Genetic Screening) เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคเกี่ยวกับพันธุกรรมในทารก วินิจฉัยเพื่ออ่อนเพื่อหยุดโรคทางพันธุกรรม
- การแช่แข็งตัวอ่อน (Embryo Freezing) ในกรณีที่ทำเด็กหลอดแก้วแล้วได้ตัวอ่อนมากกว่า 1 ตัว จะต้องแช่แข็งตัวอ่อนเพื่อรอย้ายเข้ามดลูกในรอบถัดไป หรือในกรณีที่สภาพร่างกายของฝ่ายหญิงยังไม่พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ ก็สามารถแช่แข็งตัวอ่อนไว้ก่อนได้
- การแช่แข็งอสุจิ (Sperm Freezing) การแช่แข็งน้ำเชื้อทำให้สามารถเก็บอสุจิไว้ใช้ได้ สำหรับกรณีที่ฝ่ายชายไม่สะดวกมาให้น้ำเชื้อในวันที่ไข่ตก
- การเก็บอสุจิด้วยวิธีการ PESA และ TESE ในกรณีที่ฝ่ายชายไม่สามารถหลั่งน้ำเชื้อเองได้ด้วยปัจจัยบางอย่าง เช่น ทำหมันแล้ว
- การผ่าตัดส่องกล้องโพรงมดลูกและขูดมดลูก (Hysteroscopic Surgery) ในกรณีที่มีพังผืดหรือติ่งเนื้อในมดลูก
- การผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopic Surgery) ในกรณีที่มดลูกมีปัญหา เช่น พบก้อนเนื้องอกในมดลูก หรือท่อนำไข่บวม
3. การให้บริการของสถานพยาบาล
อีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องคำนึงก่อนเลือกสถานพยาบาลด้านใดๆ คือเรื่องของการบริการ โดยเฉพาะการทำ IUI จำเป็นต้องได้รับการบริการที่ดี ลดความปัจจัยด้านความเครียดให้กับคู่สามีภรรยา หากเจอการบริการที่ไม่ดี อาจเกิดความเครียดและความกังวงที่ส่งผลให้โอกาสการตั้งครรภ์สำเร็จลดลงได้
คู่ชายหญิงที่ต้องการมีบุตร นอกเหนือจากการกังวลว่าจะตั้งครรภ์สำเร็จหรือไม่ ยังมักกังวลเรื่อง ขั้นตอนผสมเทียม การดูแลตนเองก่อนและหลังการทำ IUI ความเสี่ยงที่ต้องระวังอีกด้วย สถานพยาบาลที่ดีจึงต้องคอยให้คำปึกษาดูแลอย่างละเอียด อธิบายอย่างใจเย็น เพื่อลดความเครียดให้กับคู่สมรส ให้กังวลเรื่องการมีบุตรน้อยลง และเชื่อมั่นว่าสถานพยาบาลจะช่วยให้มีบุตรได้สำเร็จ
นอกจากบริการให้คำปรึกษาแล้ว การดูแลหลังทำ IUI ก็สำคัญเช่นกัน ในช่วง 2-3 วันแรกหลังฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรง ฝ่ายหญิงควรรนอนราบนิ่งระยะหนึ่ง เพื่อให้อสุจิมีโอกาสวิ่งไปที่ไข่ในบริเวณท่อนำไข่ได้มากขึ้น สามารถเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้
จึงควรเลือกสถานพยาบาลที่ให้บริการดี มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาอย่างละเอียด และมีห้องรองรับที่สะดวกสบาย ช่วยลดความเครียด เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์สำเร็จได้
4. การเดินทางไปสถานพยาบาล
ทำ IUI ที่ไหนดี? การเลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลในการทำ IUI ควรเลือกที่ที่เดินทางสะดวก สามารถเดินทางไปด้วยรถส่วนตัวได้ รวมถึงมีที่จอดรถ เพราะหลังจากการฉีดน้ำเชื้อ IUI ในวันแรกแล้ว ฝ่ายหญิงควรขยับตัวให้น้อยที่สุดเพื่อช่วยให้น้ำเชื้อเคลื่อนที่ไปยังท่อนำไข่ การเดินทางไปยังสถานพยาบาลแบบสะดวกสบายยังช่วยลดความเหนื่อยและความเครียดที่ไม่จำเป็น เพิ่มโอกาสให้การตั้งครรภ์สำเร็จอีกด้วย
5. โอกาสการตั้งครรภ์สำเร็จโดยรวม
โดยทั่วไปแล้ว โอกาสที่การทำ IUI จะตั้งครรภ์สำเร็จอยู่ที่ราว 10 – 15% เนื่องจากมีข้อจำกัดบางประการที่ไม่สามารถแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ได้เมื่อเทียบกับการทำเด็กหลอดแก้ว ข้อจำกัดหลายประการทำให้อัตราการตั้งครรภ์จากการผสมเทียม IUI ทำกว่าการผสมเทียมเด็กหลอดแก้ว
ทั้งนี้ การเลือกสถานพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทำ IUI จะทำให้โอกาสการตั้งครรภ์อยู่ที่ 15% ได้ โดยโอกาสการตั้งครรภ์ขึ้นอยู่กับสภาพความแข็งแรงน้ำเชื้อของฝ่ายชาย และสภาพร่างกายของฝ่ายหญิงที่ไม่มีภาวะมดลูกเสื่อม และแพทย์อาจแนะนำการทำเด็กหลอดแก้วแทนหากประเมินว่ามีโอกาสตั้งครรภ์สำเร็จน้อย
โอกาสทำ IUI สำเร็จของแต่ละสถานพยาบาลไม่ได้ต่างกันนัก แต่โอกาสตั้งครรภ์จากการทำเด็กหลอดแก้วอย่าง IVF และ ICSI แตกต่างกันเป็นอย่างมาก เพราะมีขั้นตอนการรักษาที่ยากและซับซ้อนกว่าการผสมเทียมแบบ IUI
ปกติแล้วโอกาสทำ IVF และ ICSI สำเร็จจะอยู่ที่ 40 – 50% แต่สถานพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญมีความพร้อมสามารถเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์สำเร็จได้ ที่ BDMS Wellness Clinic เราสามารถเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์จากการทำเด็กหลอดแก้วให้สูงได้มากถึง 70% ผู้ที่สนใจปรึกษาเรื่องการมีบุตรยาก หรือการทำ IUI สามารถมั่นใจได้ว่าแพทย์จาก BDMS Wellness Clinic เป็นคลินิกผู้เชี่ยวชาญรักษาผู้มีบุตรยาก
6. ราคาในการทำ IUI
ราคาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยใหญ่ที่คู่สมรสมักพิจารณาก่อนเลือกว่าจะทำ IUI ที่ไหนดี ค่าใช้จ่ายในการทำ IUI ถือว่าไม่สูงนักเทียบกับการผสมเทียมรูปแบบอื่นๆ อย่างการทำเด็กหลอดแก้วแบบ IVF หรือ ICSI ราคาค่าบริการทำ IUI ของ BDMS Wellness Clinic รวมทั้งโปรแกรมจะอยู่ที่ประมาณ 22,644 – 33,817 บาท
โดยราคาาสำหรับผู้เข้ารับการรักษาแต่ละรายจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับยาที่ตามแพทย์พิจารณา เช่น ค่าฉีดยากระตุ้นไข่ตก ค่าตรวจระดับฮอร์โมน จำนวนครั้งที่ต้องเข้าพบแพทย์ และค่าบริการอื่นๆ ตามจำเป็น ราคาแต่ละขั้นตอน
หากสนใจการทำ IUI สามารถเข้ามาพบแพทย์ที่ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก BDMS Wellness Clinic เพื่อปรึกษา รวมถึงพิจารณาวิธีการแก้ไขภาวะมีบุตรยาก ที่เหมาะสมกับคู่สมรสแต่ละคู่ได้
ทำ IUI ที่ BDMS Wellness Clinic
หากสนใจทำ IUI และกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำ IUI ว่าทำที่ไหนดี คลินิกรักษาผู้มีบุตรยาก BDMS Wellness Clinic พร้อมให้คำปรึกษาทางเลือกการผสมเทียม ตรวจร่างกายอย่างละเอียด ดูแลแก้ไขปัญหามีบุตรากและเลือกทางเลือกที่เหมาะสม วางแผนการตั้งครรภ์ ไปจนถึงการดูแลทารกหลังคลอด
มีบริการทำ IUI, IVF, ICSI พร้อมทั้งบริการเสริมอื่นๆ ทั้งการตรวจ DNA fragmentation, Preimplantation Genetic Screening, บริการทำ Embryo Freezing, Sperm Freezing, PESA/TESE, และการรักษาด้วยวิธีการ Hysteroscopic Surgery และ Laparoscopic Surgery
ดูแลตลอดเส้นทางการมีบุตรด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการมีบุตรยาก พร้อมเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลคอยอำนวยความสะดวกสบายทุกขั้นตอน สามารถเลือกประเภทห้องได้ตามต้องการ
สรุป
หากกำลังเลือกว่าควรทำ IUI ที่ไหนดี ควรพิจารณาจากความชำนาญของแพทย์ เทคโนโลยี ความพร้อมของสถานพยาบาล การบริการ การเดินทาง และราคา เพราะปัจจัยเหล่านี้มีผลกับโอกาสการตั้งครรภ์ ความเสี่ยงการตั้งครรภ์ และความพร้อมของร่างกายของฝ่ายหญิงโดยตรง
สนใจทำ IUI ต้องการปรึกษาแพทย์เรื่องการมีบุตร การผสมเทียม หรือการทำเด็กหลอดแก้ว สามารถติดต่อเพื่อพูดคุยกับแพทย์จาก BDMS Wellness Clinic ได้ผ่านทาง Wellnesshealth.club ได้เลย